หมดยุคเก็บข้อมูลจดใส่กระดาษ ! โลกดิจิทัลนำไปสู่การใช้ Big Data หรือคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่จัดเก็บทุกรายละเอียดของการทำธุรกิจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Big Data ให้มากขึ้น พร้อมประโยชน์ที่จะช่วยให้ยอดขายของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ปังขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
Big Data คืออะไร ?
Big Data ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกธุรกิจ เมื่อก่อนหลายๆ บริษัทอาจจะเก็บข้อมูลทุกอย่างโดยบันทึกลงในกระดาษ เก็บเป็นไฟล์แฟ้มแยกเป็นหมวดหมู่ แต่ในโลกยุคดิจิทัลนี้ เรามี Big Data มาเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีขนาดพื้นที่ของการจัดเก็บข้อมูลที่มากมายมหาศาล และยังสามารถนำข้อมูลมาประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่ใช้ Big Data มาช่วยในการบริหารงาน
โดยลักษณะสำคัญของ Big Data ก็คือ 4V ได้แก่
- ปริมาณ (Volume)
ปริมาณของข้อมูลที่สามารถจัดเก็บได้ต้องมีปริมาณมากเพียงพอที่จะนำไปวิเคราะห์ต่อ
- ความหลากหลาย (Variety)
ข้อมูลมีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลข ตัวหนังสือ ไฟล์รูปภาพ หรือวิดีโอ
- ความเร็ว (Velocity)
ประมวลผลแบบทันทีตามเวลาจริง เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งาน และต้องมีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
- คุณภาพของข้อมูล (Veracity)
บริหารจัดการข้อมูลได้อย่างถูกต้อง นำข้อมูลดิบที่ได้รับ มาประมวลผลเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้งานต่อยอดได้จริง
การใช้ Big Data จะทำให้ผู้ประกอบการ สามารถเข้าใจข้อมูลของผู้บริโภคจากข้อมูลและพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย หากนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาธุรกิจ จะย่อมช่วยลดทั้งต้นทุนและเวลาในการดำเนินงานได้อย่างแน่นอน
ประโยชน์ของ Big Data กับ ‘ธุรกิจขายของออนไลน์’
- มอบประสบการณ์แสนพิเศษ เพื่อยืนหนึ่งในใจลูกค้า
การรวบรวมข้อมูลของลูกค้า รวมไปถึงพฤติกรรมการซื้อของ จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น รู้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบซื้อของชิ้นไหน ช่วงเวลาไหน นำข้อมูลมาปรับปรุง พัฒนาการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางหน้าร้านค้าให้ดีขึ้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจที่จะซื้อสินค้ากับทางร้านของเรา
- ทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้แล้ว ร้านค้าก็จะรู้ว่าสินค้าของเราเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในช่วงวัยไหน เพศอะไร เพื่อที่เราจะได้พัฒนาสินค้าในร้านให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าช่วงวัยนั้นๆ เป็นการดึงดูดให้ร้านของเรามีลูกค้าประจำ ไม่ว่าสินค้าไหนจะวางขายใหม่ก็ต้องแวะเวียนมาดู และบอกต่อให้แก่ลูกค้าคนอื่นๆ
- ควบคุมงบการเงินและคาดการณ์ยอดขาย
เมื่อทำการเก็บข้อมูลการซื้อขายในแต่ละเดือนแล้ว เราจะเห็นภาพรวมของรายได้และกำไรของร้านค้า สามารถประเมินยอดขายล่วงหน้าเพื่อควบคุมงบรายจ่ายของร้านให้สมดุล รู้ว่าช่วงไหนควรสต็อกสินค้าเยอะหรือน้อย การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยวางแผนการเงิน และสภาพคล่องของทางร้านได้
- กำหนดราคาขายที่เหมาะสม
เมื่อเศรษฐกิจดี ลูกค้าก็ย่อมอยากจับจ่ายใช้สอย การเก็บข้อมูลการซื้อขาย จะช่วยให้ร้านสามารถรู้ได้ว่าช่วงราคาไหนที่เหมาะแก่กลุ่มลูกค้าของทางร้าน และลูกค้ามีกำลังซื้อโดยไม่ต้องรอถึงในช่วงลดราคา นอกจากนี้ยังทำให้ร้านวางแผนช่วงเวลาสำหรับจัดโปรโมชันหรือแคมเปญต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
- จัดสต็อกสินค้าอย่างเป็นระบบ
เมื่อร้านค้ามีข้อมูลว่าลูกค้าซื้อของชิ้นใดในช่วงเวลาไหน ทำให้ทางร้านจัดเตรียมสต็อกสินค้าได้ดีขึ้น สั่งของไว้รอล่วงหน้าได้ เพราะหากสินค้านั้นเป็นที่ต้องการในช่วงใดช่วงหนึ่งมากๆ แต่ทางร้านไม่มีของ ก็จะทำให้เกิดค่าเสียโอกาสและร้านสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป
แนะนำ Big Data สำหรับมือใหม่เริ่มทำธุรกิจ
- Google Analytics
เครื่องมือแรกที่อยากแนะนำเลยก็คือ Google Analytics โดยเบื้องต้นสามารถใช้งานได้ฟรี เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเปิดธุรกิจ โดยเฉพาะหากเปิดเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ เครื่องมือนี้สามารถช่วยเก็บรวบรวมพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมซื้อของบนหน้าเว็บไซต์ ทั้งจำนวนผู้เข้าชม จำนวนการคลิกเข้าชมและเวลาที่ใช้ในการซื้อสินค้าแต่ละรายการ นอกจากนี้จุดเด่นของ Google Analytics คือการวิเคราะห์การทำการตลาดบนเว็บไซต์ออนไลน์ได้อย่างดีอีกด้วย
สำหรับผู้ที่เปิดร้านขายของบนแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง Facebook ทางแพลตฟอร์มก็จะมีตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า เช่นเดียวกันกับ Google Analytics โดยทั้งสองอย่างนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่ว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้เราสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดการทำตลาดบนหน้าร้านค้าออนไลน์ให้ถูกใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- แพลตฟอร์ม e-Marketplace
การเปิดร้านค้าออนไลน์เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะการเปิดร้านผ่านตัวกลางบนแพลตฟอร์ม e-Marketplace อย่างเช่น Lazada, Shopee, Line Shopping เป็นต้น บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็จะมี Big Data คอยช่วยจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของเรา เรียกได้ว่าจบครบในที่เดียว ตั้งแต่เก็บข้อมูลสินค้า จำนวนสต็อก ข้อมูลลูกค้า และรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อของแต่ละชิ้น รวมไปถึงการทำการตลาดโดยตรงไปยังลูกค้า ร้านค้าสามารถวิเคราะห์ราคาที่ลูกค้าพึงพอใจที่จะซื้อและหมดห่วงเรื่องการจัดการคลังสินค้าได้เลย
สำหรับใครที่เริ่มทำธุรกิจ หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ก็อย่าลืมใช้ Big Data เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งวางกลยุทธ์การขายให้ปังขึ้นกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่การเตรียมซื้อของ ไปจนถึงบริการหลังการขาย การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย นอกจากจะช่วยทุ่นแรง ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าหากทุกร้านรู้จักกลุ่มลูกค้าของเราดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งวางแผนมัดใจลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น ช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้ร้านได้เติบโตได้อย่างแน่นอน
พ่อค้าแม่ค้าคนไหนกำลังมองหาขนส่งที่ไว้ใจได้ ปลอดภัย พัสดุไม่มีเสียหาย แถมส่งตรงถึงบ้านลูกค้าได้อย่างตรงเวลา อย่าลืมให้ นินจาแวน เป็นผู้ดูแลสินค้าของทุกคน